Our Story : Happy Valentine's Day - Our Story : Happy Valentine's Day นิยาย Our Story : Happy Valentine's Day : Dek-D.com - Writer

    Our Story : Happy Valentine's Day

    "มันคงจะดี ถ้าในทุกๆวันเรามีกันและกัน" เรื่องสั้นความรักผ่านมุมมองของ 'ผม' และ 'ฉัน' แล้วคุณจะรู้ว่า รัก ไม่ได้มีแค่ความรู้สึกเดียว

    ผู้เข้าชมรวม

    58

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    58

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ก.พ. 58 / 21:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    มันคงจะดี ถ้าในทุกๆวันเรามีกันและกัน

    ช เรื่องสั้นความรักผ่านมุมมองของ 'ผม' และ ' ฉัน'
    กับคำว่า รัก ในมุมมองของพวกเขา
    ในแต่ละวัน แต่ละเทศกาล
    แต่ละช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน
    มันไม่ได้ราบรื่นไปทุกอย่าง

    แล้วคุณจะรู้ว่า รัก ไม่ได้มีแค่ความรู้สึกเดียว

    ______________

    วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก
    วันแห่งความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน
    แล้วถ้ามันไม่ได้มีแต่ความรู้สึกดีๆล่ะ?

    Our Story
    Happy Valentine's Day


     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      14 กุมภาพันธ์
      11.52 น.
       
      ผมนั่งอ่านข้อความเก่าๆในแชทอย่างช้าๆ ก่อนจะยกแก้วกาแฟมาจิบ ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของใครบางคนที่นัดผมมาที่นี่ในวันสำคัญของเราแบบนี้
       
      แต่จะว่าเธอก็ไม่ถูกหรอกครับ จริงๆแล้วเธอบอกให้ผมมาตอนเที่ยงกว่าๆเสียด้วยซ้ำเพราะไม่อยากให้ผมมารอนาน แต่จะทำไงได้ ก็ผมตื่นเต้นนี่ เธอต้องมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ผมแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้น ร่างกายที่ตื่นตอนบ่ายสองกว่าๆจนเป็นปกติก็สะลึมสะลือเดินไปอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ยังไม่ทัน 11 โมงเช้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
       
      ผมเหลือบมองเวลาบนหน้าจอมือถือแล้วถอนหายใจช้าๆ บางทีอาจจะมีแค่ผมก็ได้ที่ตื่นเต้นกับท่าทีของเธอในวันแห่งความรักวันนี้ไปเอง บางทีเจ้าตัวอาจจะนัดผมมาคุยเรื่องการสอบในวันพรุ่งนี้ หรืออาจจะเป็นเรื่องที่ผมฉลองเมื่อคืนหนักไปหน่อย มุมบนซ้ายหน้าจอแสดงสถานะออฟไลน์ของอีกฝ่ายราวกับจะตอกย้ำความรู้สึกด้านลบในใจของผมในตอนนี้
       
      'ใช้งานเมื่อ 11 ชั่วโมงที่แล้ว'
       
      ผมถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะปิดหน้าจอไปอย่างเซ็งๆ เธออาจจะกำลังรีบมาจนไม่ได้เปิดมือถือก็ได้ หรือไม่เธออาจจะลืมจ่ายค่าเน็ตแล้วกำลังหาวิธีเติมเงินอยู่ หรือไม่ก็อาจจะยังไม่ตื่นก็เป็นได้
       
      "ขอโทษนะครับพี่..." เสียงใสๆดึงผมออกจากห้วงความคิดด้านลบทันใด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือที่ดับแสงไปแล้วก็พบเด็กชายวัยประถมยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ในมือหอบตุ๊กตาแมวตัวใหญ่พอๆกับหมอนข้างมาด้วยอย่างทะนุถนอม ดูแล้วก็น่าเอ็นดูไม่ใช่น้อย
       
      "ตุ๊กตาที่พี่สั่งไว้ได้แล้วนะครับ" เด็กชายยื่นตุ๊กตาแมวมาให้ผมพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง "ขอบคุณที่ใช้บริการร้านเราครับ"
       
      ผมยิ้มให้ก่อนจะรับตุ๊กตามากอดไว้ ก่อนจะลูบหัวตุ๊กตาไปมาช้าๆ สายตาก็จ้องมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาในห้างอย่างเหม่อลอย เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่จะเห็นแต่วัยรุ่นเดินมากันเป็นคู่ บ้างก็เดินจับมือกันราวกับกลัวจะหลง บ้างก็กอดคอกันมา บ้างก็นำดอกกุหลาบมาให้กันแล้วก็เดินไปด้วยกันโดยทิ้งพลาสติกที่เคยห่อกลีบดอกไม้ไว้ตามพื้นอย่างไม่ใส่ใจ
       
      ผมอดไม่ได้ที่จะปลดล็อกหน้าจอเพื่อดูเวลาอีกครั้ง ตัวเลขอารบิก 4 ตัวที่มีจุดคั่นระหว่างชั่วโมงกับนาทีบอกเวลาเที่ยงกับอีกแปดนาที ยังไม่ทันจะปิดหน้าจอลง มือถือก็สั่นเตือนว่ามีสายเข้า และก็เป็นเบอร์ที่ผมคุ้นเคยพอสมควร
       
      "...ฮัลโหล" ผมพยายามทำน้ำเสียงให้ร่าเริงในขณะที่รับสายคนที่ผมรอมาเกือบชั่วโมง
       
      "เอ่อ...อาจจะไปช้าหน่อยนะ พอดีรถติดมากเลยอ่า"
       
      "ตอนนี้อยู่ไหน" ผมถามกลับ พยายามควบคุมอารมณ์ไว้อย่างสุดกำลัง แต่ดูเหมือนน้ำเสียงของผมจะเริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกมากพอสมควรแล้วแหละ
       
      "ใกล้ถึงแล้วแหละ อีกแป๊บเดียว" เธอบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม เจ้าตัวคงจะเพิ่งตื่นแล้วกำลังโกหกคำโตออกมาเพื่อไม่ให้ผมเสียใจว่าเธอลืมนัดของเรา ก็คงจะเป็นอย่างนั้น
       
      "..." ผมนิ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกไป
       
      "...เงียบทำไมล่ะ"
       
      "..."
       
      "เป็นอะไร"
       
      "..."
       
      "ไม่เชื่อเหรอว่ากำลังไป"
       
      "..."
       
      "ตอนนี้พี่อยู่ไหน" น้ำเสียงอีกฝ่ายสั่นเครือจนรู้สึกได้ แต่ผมก็ไม่คิดจะตอบอะไรกลับไป
       
      "งั้นเดี๋ยวไปรออยู่แถวๆหน้าศูนย์อาหารนะ ถ้าพี่มาถึงแล้วก็ไปหาอยู่แถวนั้นแหละ แค่นี้นะ"
       
      ผมลุกขึ้นช้าๆพร้อมกับเหวี่ยงตุ๊กตาแมวตัวใหญ่ไปไว้ด้านหลังและดึงขาหน้าของตุ๊กตามากอดคอผมไว้ และเดินออกจากร้านท่ามกลางสายตาของคนรอบข้างที่จ้องมองมา
       
      ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินจากร้านกาแฟชื่อดังมายังศูนย์อาหารที่อยู่ตรงข้าม เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอในบริเวณนี้ ผมทรุดตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้เคียงช้าๆพร้อมกับดึงเจ้าตุ๊กตาแมวให้มาอยู่ด้านหน้า ดูท่าผมจะยังคงต้องนั่งรอต่อไปอีกสินะ ผมถอนหายใจออกมารอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน มือถือในมือบอกเวลา 12.23 นาที คงอีกนานกว่าเธอจะมา
       
      แต่ผมก็พบว่าผมคิดผิด เมื่อเห็นคนที่ผมรอมาร่วมชั่วโมงกำลังวิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกับถุงพลาสติกเล็กๆในมือมายังศูนย์อาหาร อีกฝ่ายอึ้งไปเมื่อเห็นผมนั่งอุ้มตุ๊กตาแมวอยู่ด้านหน้า
      เธอรีบซ่อนของในมือไว้ด้านหลังทันทีก่อนจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
       
      "ข...ขอโทษนะ ท...ที่มาช้า" เจ้าตัวพูดพลางหายใจเข้าลึกๆ และทรุดตัวลงนั่งข้างผมโดยที่ในมือก็ยังซ่อนอะไรบางอย่างไว้
       
      "ค่อยๆพูดก็ได้น่ะเออ" ผมยิ้มบางๆให้กับอีกฝ่าย นึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอสามารถมาถึงได้เร็วขนาดนี้ทั้งๆที่เพิ่งตื่น
       
      เจ้าตัวนิ่งเงียบไปสักพักจนกระทั่งหายใจเป็นปกติ เธอจึงค่อยๆยื่นของในมือมาให้ผมก่อนที่จะก้มหน้างุด ผมเสียอีกที่กลายเป็นฝ่ายอึ้งไป เมื่อในถุงนั้นมีเค้กที่ผมชอบไปกินบ่อยๆที่ร้านเจ้าประจำที่ห่ออย่างสวยงามนอนนิ่งอยู่ในกล่อง
       
      "น้องแวะไปซื้อมาให้พี่อยู่เหรอเลยมาช้า" ผมถามเสียงเบา เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยๆ ความรู้สึกด้านลบในใจผมก็เริ่มจางลง เหลือแต่เพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น นี่ผมไม่เชื่อใจเธอขนาดนั้นเชียวเหรอ
       
      "เงยหน้าขึ้นมาเลย" ผมยิ้มกว้างแล้วยีหัวเธอเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามปัดมือผมออกทั้งๆที่ยังก้มหน้าไว้อยู่
       
      "ตุ๊กตาน่ะไม่อยากได้แล้วใช่มั้ย..."
       
      "อยากได้ดิ" เจ้าตัวรีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองหน้าตุ๊กตาแมวในมือผมตาปริบๆราวกับเด็ก 
       
      "อยากได้ต้องทำไงก่อน"
       
      "ทำไงล่ะ" เธอละสายตาจากตุ๊กตาพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ผมอย่างงุนงง
       
      "เวลาผู้ใหญ่ให้ของน่ะต้องทำยังไงครับ" ผมแกล้งทำหน้านิ่ง พยายามกลั้นยิ้มไว้เต็มที่เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายที่กะพริบตาปริบๆราวกับยังไม่เข้าใจว่าผมต้องการอะไร
       
      ก็อยากแกล้งแค่นั้นเองแหละ... -///-
       
      "ไม่อยากได้จริ...."
       
      "ขอบคุณค่ะ" ยังไม่ทันที่ผมจะแสดงบทบาทจบ เธอก็รีบทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย ทำไมผมอยากหยิกแก้มใครบางคนจังเลยครับ...
       
      "น่ารักมากอ่ะ" ผมสะกดกลั้นความรู้สึกอยากไว้ แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายช้าๆพร้อมกับอุ้มตุ๊กตาแมวไปวางบนตักให้
       
      "แฮปปี้วาเลนไทน์เดย์นะครับ" ผมลูบหัวเธออีกสองสามทีแล้วโยกหัวเล่นเบาๆ ถึงเธอจะทำเป็นสนใจตุ๊กตาแมวอยู่แต่ผมก็เห็นว่าเธอกำลังยิ้ม ยิ่งยิ้มยิ่งน่ารักนะรู้มั้ย
       
      "รู้งี้ไม่ซื้อให้ดีกว่า" ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ การแสดงต่อมาเริ่มขึ้นแล้วครับ "พอได้ก็เงียบใส่พี่ สนใจแต่กับตุ๊กตา ปล่อยให้พี่พูดคนเดียว ก็เป็นงี้แหละ"
       
      "ไม่ใช่แบบนั้นนะ" เธอกะพริบตาปริบๆพร้อมกับเขย่าแขนผมเป็นเชิงอ้อน จริงๆผมก็อยากจะหันกลับไปกอดแล้วแหละ แต่ไม่ได้ ไหนๆก็เล่นตามแผนมาขนาดนี้แล้ว เล่นต่ออีกสักหน่อยจะเป็นไร
       
      "ก็พี่ไม่น่ารัก เลยไม่สำคัญกับน้องเท่าตุ๊กตาใช่มั้ย" ผมเบือนหน้าหนีแล้วกอดอกนิ่ง ทำเป็นไม่สนใจคนที่กำลังเขย่าแขนผมรัวๆ
       
      "โอ๋ๆๆ อย่างอนน้าาา" อีกฝ่ายลากเสียงยาวแล้วเพิ่มแรงเขย่าแขนผมมากขึ้น
       
      "นะๆๆๆๆๆ"
       
      "เชอะ"
       
      "อย่างอนนนน"
       
      "บอกรักพี่ก่อน"
       
      "ห้ะ..." เธอนิ่งไปอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ผมแกล้งมองหน้าเธอด้วยสายตาตัดพ้อแล้วพูดตามบทที่เพิ่งร่างในหัวสดๆเมื่อกี้
       
      "พี่รักน้องนะ ทำไมพี่รู้สึกเหมือนน้องไม่ได้รักพี่เลยล่ะ"
       
      "ไม่ใช่นะ..."
       
      "แค่พูดยังพูดไม่ได้" สิ้นเสียง เธอก้มหน้างุดด้วยท่าทางหงอยลงถนัดตา ผมเห็นแล้วก็อดจะเจ็บไม่ได้ 
       
      ทำไมกันล่ะ แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้ใช่มั้ย
       
      "ล้อเล่นน่า อย่าหงอยแบบนี้สิ" ผมตัดสินใจเลิกเล่นกับความรู้สึกแบบนี้แล้วโยกหัวอีกฝ่ายไปมา เมื่อได้ยินคำโกหกคำโตจากผม เธอก็ยิ้มออกแล้วจิ้มแก้มผมเบาๆด้วยท่าทางสบายใจ
       
      ผมกลืนความรู้สึกด้านลบในใจลงไป แล้วฉีกยิ้มชวนอีกฝ่ายคุยด้วยท่าทีปกติเหมือนเดิม ล่ะมั้ง
       
      "กินเค้กกับพี่ป่ะๆ"
       
      ****************************
       
      "ไปนอนละนะ" ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะถามกลับไป
       
      "ทำไมวันนี้นอนเร็วจัง เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง"
       
      ภาพบนจอโน้ตบุ้คของผมสั่นไหวเล็กน้อยไปตามการเคลื่อนที่ของจอโน้ตบุ้คอีกฝ่ายที่ปรับลงมาให้เหมาะต่อการคุยกันผ่านอินเทอร์เน็ตแบบนี้ ผมถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอล้มตัวลงนอนและปรับจอลงต่ำกว่าเดิม
       
      "มันเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้อ่ะ เดินเล่นทั้งวัน เมื่อยไปหมดแล้วเนี่ย"
       
      "น่าสงสารเนอะ" ผมเบะปากล้อเลียนใส่จนเธอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
       
      "รีบไปนอนไป พี่จะได้ไปอาบน้ำซะที"
       
      "เคๆ ไปนอนละนะ บาย" ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ตัดการเชื่อมต่อไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนิ่งไปอย่างน้อยใจ
       
      ไม่อยากคุยกันขนาดนี้เลยเหรอ
       
      ผมถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะเอามือก่ายหน้าผากแล้วเอนหลังลงอย่างใช้ความคิด ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์แท้ๆ แต่เธอก็ยังทำเหมือนว่าไม่คิดไรอะไรกับผมมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันทำให้ผมเฟลบ่อยมากเมื่อมองเห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่มีต่อผม หรือผมจะคิดมากไปนะ
       
      ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบผ้าเช็ดตัว มือถือก็สั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้าอีกครั้ง และยังคงเป็นเบอร์ที่คุ้นเคยเบอร์เดิมกับเมื่อตอนกลางวันอยู่ ผมไม่รอช้ารีบรับโทรศัพท์ทันที
       
      "ไหนว่าจะไปนอนไง"
       
      "..."
       
      ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงงกับท่าทีของเธอ "เงียบอีก..."
       
      "สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ"
       
      "ห้ะ"
       
      "ขอบคุณที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างนะ"
       
      "..."
       
      "ขอบคุณนะที่ไม่ทิ้งไปไหนทั้งๆที่งี่เง่าใส่พี่จะตาย" 
       
      "ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า..."
       
      "ขอบคุณนะที่รักกันอ่ะ" ผมนิ่งไปอึดใจ ในใจมันเต้นรัวและแรงกว่าทุกๆทีที่ผมเห็นเธอทำตัวน่ารัก มากกว่าทุกๆครั้งที่ผมอยู่ใกล้เธอ
       
      "...รักพี่เหมือนกันนะ"
       
      "..." ผมหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะเกาแก้มเบาๆอย่างเขินๆ "แล้วเพิ่งมาบอกตอนนี้นี่นะ ทีตอนนั้นล่ะทำเมินพี่"
       
      "ก็เขินเป็นนะเออ" เสียงตอบกลับฟังดูอู้อี้แปลกๆราวกับอีกฝ่ายกำลังซุกหน้ากับหมอนด้วยความเขินเหมือนกันกับผม
       
      "นิสัยไม่ดีอ่ะ น้องทำให้พี่จิตตกทั้งวันเลยนะรู้ยัง"
       
      "นิสัยไม่ดีแล้วรักมั้ยล่ะ" ผมอึ้งไปอีกรอบ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา รวมถึงเมื่อครู่นี้อีกด้วย
       
      "รักสิ"
       
      "..." อีกฝ่ายเงียบไปจนผมเริ่มรู้สึกโหวง สักพักก็มีเสียงเดิมดังขึ้นมา
       
      "ไปนอนแล้วนะ โทรมาบอกรักเฉยๆนี่แหละ"
       
      "ครับผม" ผมยิ้มออกมา ทำไมผมรู้สึกว่านับวันเธอยิ่งน่ารักเข้าไปกันใหญ่ "ฝันดีนะครับ"
       
      "บอกฝันดีนะเฉยๆก็ได้ พอมีครับลงท้ายแล้วพี่น่ารักมากอ่ะบอกเลย นอนไม่หลับแน่ๆ" 
       
      "น่ารักก็รักนานๆนะ" 
       
      "รักแล้วนะ ฝันดีค่ะ" แล้วสัญญาณก็ถูกตัดไปอีกครั้ง
       
      จากนั้นทั้งคืน ผมก็ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่มันเต้นดังกว่าทุกๆครั้ง กลบเสียงแอร์ที่น่ารำคาญจนผมหลับไปทั้งชุดเดิมในที่สุด
       
      14/02/2015.

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×